อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบพอเพียง

ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดโลกก็ต่างก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ส่งผลให้ประชากรของแต่ละประเทศทั่วโลกในหลากหลายอาชีพต้องตกงานกันทั่วถ้วนหน้า ในปัจจุบันต่างก็ยอมรับกันโดยดุษฎีว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งรายได้ของแต่ละประเทศ อีกทั้งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะบรรดาประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย

แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจซบเซาที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกต้องรัดเข็มขัดในเรื่องของการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งถูกซ้ำเติมด้วยข่าวคราวของการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ จึงส่งผลกระทบโดยตรงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปทั่วโลก ทำให้มีอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยทางนิตยสารไทม์รายงานว่า ระหว่างปี 2548-2550 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกอยู่ในช่วงของการเฟื่องฟูมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยถึง 3.6 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ไม่เพียงเฉพาะแต่ผลกระทบจากการท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบไปถึงบรรดาสายการบินต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญกับการขาดรายได้อย่างหนักเนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกการเดินทาง และทางสายการบินเองก็ต้องลดเที่ยวบินเพื่อประหยัดต้นทุน เป็นผลให้หลายสายการบินต้องประสบกับสภาวะการขาดทุนกันทั่วถ้วนหน้า จากการศึกษาสถิติต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เราได้ทราบว่าในแต่ละประเทศต่างก็พยายามที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจกลับเข้าร่องเข้ารอยโดยพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิเช่น อิตาลีก็ได้โหมโฆษณาแหล่งท่องเที่ยวของตนเอง คือ โครงการ “Italia Much More” โดยจัดทำโฆษณาที่แสดงถึงภาพลักษณ์ที่สวยงามและวัฒนธรรมที่น่าสนใจของอิตาลีออกเผยแพร่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเที่ยวให้มากขึ้น

ดังนั้นจากการที่ในแต่ละประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศในยุคเศรษฐกิจโดยรวมขาขึ้นก่ายหน้าผากเช่นนี้ ผมเองก็อยากให้รัฐบาลไทยหันกลับมาฟื้นฟู “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบพอเพียง” ของประเทศของเราเอง ซึ่งประเทศของเรานั้นก็เป็นประเทศที่มีพื้นฐานที่ดีเยี่ยมในด้านการท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติที่สวยงาม ประเพณี วัฒนธรรมรวมทั้งการให้บริการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสัมผัสกับความน่าประทับใจเหล่านี้ ซึ่งในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนอาจจะต้องปรับปรุงในบางส่วน เช่น การทำตลาดผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต,พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้มีคุณภาพมากขึ้น,พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้น ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้แล้วผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยก็จะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยให้ประเทศผ่านวิกฤติเศรษฐกิจนี้ไปให้ได้ โดยร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟู “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบพอเพียง” ของเรา โดยเริ่มจากการที่คนไทยเที่ยวทั่วไทยกันเองก่อน ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าไปหวังพึ่งกับตลาดของต่างชาติมากนักเลยครับ เพราะพวกเขาเองก็จะเอาตัวกันไม่รอดกันทั้งนั้น

“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบพอเพียง” คือ การที่ไทยเที่ยวไทย ที่จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพราะการท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมการกระจายรายได้ที่มีประสิทธิภาพถึงมือผู้คนในชุมชนนั้น

This entry was posted in ท่องเที่ยว and tagged . Bookmark the permalink.